ตามที่คณะกรรมการบริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) ได้ออกประกาศกลุ่มบริษัท ฉบับที่ 1/2565 เรื่องนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2565 โดยให้มีผลบังคับใช้กับ บริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) และ บริษัทในกลุ่มทั้งหมด อันได้แก่ บริษัท ซีวิล คอนสตรัคชั่น เซอร์วิสเซส แอนด์ โปรดักส์ จํากัด, บริษัท เดอะ ซี.อี.ซี. คอนสตรัคชั่น จำกัด และ บริษัท ซีวิล เอส.ที.ที. จำกัด ("บริษัท")

บริษัทขอแจ้งให้ท่านผู้เข้ามาภายในพื้นที่ของบริษัททราบว่า ทางบริษัทได้ติดตั้งระบบกล้อง กล้องวงจรปิด ไว้ภายในพื้นที่ ทั้งนี้ ด้วยระบบการทำงานของ กล้องวงจรปิด กล้องอาจจับภาพใบหน้าของท่านได้ไม่ว่าจะชัดเจนหรือไม่ และ/หรือ บริษัทมีความจำเป็นต้องบันทึกรายละเอียดของผู้เข้าออกภายในพื้นที่ของบริษัท ซึ่งอาจรวมถึงการแลกบัตรประชาชนหรือบัตรแสดงตนของผู้เข้าออกกับบัตร Visitor

เพื่อความชัดเจนเกี่ยวกับเงื่อนไขและข้อกำหนดในการเก็บ รวบรวม ใช้และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผู้เข้ามาภายในพื้นที่ของบริษัท บริษัทจึงมีจุดประสงค์แจ้งนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลผู้เข้ามาภายในพื้นที่ของบริษัทฉบับนี้ขึ้น ทั้งนี้บริษัทอาจปรับปรุงและปรับเปลี่ยนนโยบายฉบับนี้ได้ตามแต่ละระยะเวลาให้สอดคล้องกับความจำเป็นในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดของบริษัทและให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยบริษัทจะประกาศให้ท่านทราบผ่านช่องทางการติดต่อสื่อสารต่าง ๆ ที่บริษัทมีกับท่าน

ข้อที่ 1 คำจำกัดความ

"ข้อมูลส่วนบุคคล" หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ที่ได้ถึงแก่กรรมแล้ว ไม่ว่าจะเป็น

(ก) ได้รับโดยตรงจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

(ข) ได้รับจากตัวแทนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

(ค) ได้รับจากการรวบรวม การประเมินผล และจัดทำข้อมูลดังกล่าวขึ้นเพิ่มเติม โดยบริษัทเอง ระหว่างการปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัญญาและข้อกำหนดที่บริษัทกำหนด

"กล้องวงจรปิด" หมายถึง ระบบการบันทึกภาพเคลื่อนไหวที่ถูกจับภาพโดยกล้อง ที่ได้ติดตั้งตามบริเวณต่าง ๆ มายังเครื่องบันทึกภาพ และ ส่วนรับภาพดูภาพซึ่งเรียกว่า จอภาพ (Monitor) และบันทึกลงไปยังเครื่องบันทึก เป็นระบบสำหรับใช้เพื่อการรักษาความปลอดภัย หรือ ใช้เพื่อการสอดส่องดูแลเหตุการณ์หรือสถานการณ์ต่าง ๆ

ข้อที่ 2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการประมวลผล

ในระหว่างที่ท่านเข้ามาภายในพื้นที่ของบริษัท บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ได้แก่

  1. ภาพถ่ายใบหน้าของท่านที่บันทึกผ่านระบบกล้องวงจรปิด
  2. ชื่อ นามสกุล ข้อมูลการติดต่อ ข้อมูลรายละเอียดวัตถุประสงค์การเข้ามาภายในพื้นที่ของบริษัท ซึ่งจะมีการกรอกเข้าในแบบฟอร์มที่บริษัทอาจใช้เพื่อการบันทึกคนเข้าออก หรืออาจเป็นกรณีที่ต้นสังกัดของท่านได้แจ้งรายชื่อและข้อมูลของท่านให้แก่บริษัทเพื่อแจ้งขออนุญาตเข้าพื้นที่ ซึ่งในกรณีที่บริษัทได้รับข้อมูลจากต้นสังกัดของท่าน บริษัทจะถือว่าต้นสังกัดของท่านนั้นมีสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายในการส่งต่อและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บริษัทโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว
  3. บัตรประจำตัวประชาชนหรือเอกสารแสดงตนอื่นของท่านซึ่งบริษัทจะเก็บรักษาไว้เพื่อแลกเปลี่ยนกับบัตรผู้เข้าพื้นที่

ข้อที่ 3 วัตถุประสงค์การประมวลผล

บริษัทจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ที่เข้ามาในพื้นที่ของบริษัทเพื่อประโยชน์ในการรักษาความปลอดภัยของสถานที่และของท่านในฐานะผู้เข้ามาภายในสถานที่ รวมถึงความปลอดภัยของบุคคลอื่น ๆ

ข้อที่ 4 ระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูล

สำหรับข้อมูลบัตรประจำตัวของท่าน บริษัทจะคืนบัตรประจำตัวให้แก่ท่านทันทีเมื่อท่านแลกคืนบัตรผู้เข้าพื้นที่ให้แก่บริษัท และในส่วนของข้อมูลที่บันทึกในระบบกล้องวงจรปิดจะถูกเก็บบันทึกไว้เป็นระยะเวลาไม่เกิน 30 วัน นับแต่วันที่ได้มีการบันทึก และแบบฟอร์มผู้เข้าพื้นที่จะได้รับการเก็บรักษาไว้เพื่อการตรวจสอบเป็นระยะเวลา 3 เดือน เว้นแต่เป็นกรณีที่บริษัทอาจจำเป็นต้องใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อการปกป้องฟ้องร้องสิทธิที่บริษัทอาจมีต่อท่านผู้เข้ามาภายในพื้นที่ ซึ่งบริษัทสงวนสิทธิ์เก็บข้อมูลดังกล่าวไว้เป็นระยะเวลาที่เหมาะสมตามอายุความในกฎหมาย

ทั้งนี้ เมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้ว บริษัทจะทำการลบ ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อหมดความจำเป็นในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้น อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่มีข้อพิพาทหรือคดีความเกี่ยวกับการดำเนินการของท่าน บริษัทขอสงวนสิทธิในการเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปจนกว่าข้อพิพาทนั้นจะได้มีคำสั่งหรือคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว

ข้อที่ 5 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดของท่านที่บริษัทเก็บรวบรวมดังกล่าวให้แก่บุคคลภายนอก เว้นแต่เป็นกรณีจำเป็นเพื่อจุดประสงค์การใช้สิทธิเรียกร้องจากการกระทบสิทธิของบุคคลอื่น การใช้สิทธิต่อสู้ฟ้องร้องของบริษัทในฐานะเจ้าของสถานที่ หรือเป็นกรณีการปฏิบัติตามคำสั่งของหน่วยงานรัฐหรือหน้าที่ตามกฎหมายอื่น ๆ เท่านั้น ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการเท่าที่จำเป็นเท่านั้นเพื่อป้องกันไม่ให้กระทบสิทธิของท่านจนเกินสมควร

ข้อที่ 6 มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในข้อมูลที่เหมาะสม

บริษัทรับประกันจัดให้มีมาตรการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการเข้าถึงการใช้ การเปลี่ยนแปลง การแก้ไข หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้า โดยปราศจากอำนาจ หรือโดยมิชอบ ทั้งนี้บริษัทจะจัดให้มีการทบทวนมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยดังกล่าว อย่างสม่ำเสมอเป็นปกติ เพื่อความเหมาะสมตามมาตรฐานและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ บริษัทได้กำหนดให้มีนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) ขึ้นโดยประกาศให้ทราบกันโดยทั่วทั้งองค์กร พร้อมแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยธำรงไว้ซึ่งความเป็นความลับ (Confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (Integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (Availability) ของข้อมูลส่วนบุคคล โดยได้จัดให้มีการทบทวนนโยบายดังกล่าวรวมถึงประกาศนี้ในระยะเวลาตามที่เหมาะสม

บริษัทได้กำหนดให้พนักงาน เจ้าหน้าที่และบุคคลเฉพาะผู้ที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องในการจัดเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของกิจกรรมการประมวลผลนี้เท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ โดยองค์กรจะดำเนินการให้เจ้าหน้าที่และบุคคลดังกล่าวปฏิบัติตามประกาศนี้อย่างเคร่งครัด ในกรณีที่พนักงานคนใดมีสิทธิเข้าถึงหรือดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลส่วนใด พนักงานดังกล่าวยอมรับและรับทราบหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลดังกล่าวเช่นเดียวกัน โดยรับประกันชดเชยและชดใช้ให้แก่บริษัทกรณีที่เกิดความเสียหายใดแก่บริษัท อันเกิดจากความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานดังกล่าว

ข้อ 7 สิทธิของเจ้าของข้อมูล

บริษัทรับทราบและเคารพสิทธิตามกฎหมายของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิของท่านในข้อนี้เป็นสิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องที่ท่านควรทราบ ดังนี้

1. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม

หากท่านได้ให้ความยินยอมให้บริษัท เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอม ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่ ทั้งนี้การเพิกถอนความยินยอมอาจส่งผลกระทบต่อท่าน โปรดศึกษาหรือสอบถามถึงผลกระทบก่อนเพิกถอนความยินยอม เพื่อประโยชน์ของตัวท่านเอง

2. สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และขอให้บริษัท ทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้กับท่าน รวมถึงขอให้บริษัท เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมไว้กับบริษัทได้ หากท่านเป็นพนักงานปัจจุบันของบริษัท ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ด้วยตนเอง ผ่านระบบของบริษัท

3. สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัท ได้ทำให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัท ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นที่สามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค

4. สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูล

ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หากการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนั้น ทำขึ้นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท โดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล เว้นแต่เป็นกรณีที่บริษัท สามารถแสดงเหตุผลตามกฎหมายได้ว่ามีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน หรือเป็นไปเพื่อการยืนยัน การปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการต่อสู้ในการฟ้องร้องตามกฎหมายตามแต่กรณี

5. สิทธิในการขอให้ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัท ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือเห็นว่าบริษัท หมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือเมื่อท่านได้ใช้สิทธิขอเพิกถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านการประมวลผลข้อมูล

6. สิทธิในการขอระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัท ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านชั่วคราว ในกรณีที่บริษัท อยู่ระหว่างการตรวจสอบคำร้องขอใช้สิทธิแก้ไขหรือขอคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือกรณีที่บริษัท หมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่ท่านขอให้บริษัท ระงับการใช้แทน

7. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง

ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัท แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด หากท่านเป็นพนักงานหรือบุคลากรปัจจุบันของบริษัท ท่านสามารถปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตามขั้นตอนดำเนินการของบริษัท

8. สิทธิร้องเรียน

ท่านมีสิทธิที่จะร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

การใช้สิทธิของท่านตามข้างต้นอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัท อาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิของท่านได้ เช่น บริษัท จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือการใช้สิทธินั้นๆ อาจละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น หรือบริษัท จำเป็นต้องใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าว โดยบริษัท จะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้ท่านทราบ

ข้อ 8 การเปลี่ยนแปลงแก้ไขนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจพิจารณาปรับปรุง แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงประกาศนี้ตามที่เห็นสมควร และจะทำการแจ้งให้ท่านทราบผ่านช่องทางต่าง ๆ บริษัท โดยจะมีวันที่ของการเปลี่ยนแปลงล่าสุดกำกับอยู่ตอนท้าย อย่างไรก็ดี บริษัทขอแนะนำให้ท่านโปรดตรวจสอบเพื่อรับทราบประกาศฉบับใหม่อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะก่อนที่ท่านจะทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

การยื่นสมัครงานของท่าน ถือเป็นการรับทราบตามข้อตกลงในประกาศนี้ ทั้งนี้ โปรดระงับการยื่นสมัครงานหรือติดต่อฝ่ายทรัพยากรบุคคลหากท่านไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงในประกาศฉบับนี้ มิเช่นนั้นบริษัทจะถือว่าท่านได้รับทราบการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงในประกาศดังกล่าวแล้ว

ข้อ 9 ช่องทางการติดต่อบริษัท

หากท่านมีข้อเสนอแนะ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการขอใช้สิทธิของท่านตามนโยบายฉบับนี้ บริษัทจะพิจารณาข้อเสนอ ข้อสอบถาม หรือคำร้องของท่าน และแจ้งผลการพิจารณาให้ท่านรับทราบภายในกรอบระยะเวลาที่เหมาะสมภายใต้กรอบกฎหมาย โดยท่านสามารถติดต่อมายังบริษัทได้ผ่านช่องทางดังต่อไปนี้

โทรศัพท์:
สถานที่ติดต่อ:
บริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) เลขที่ 68/12 อาคารซีอีซี ชั้น 7 ถนนกำแพงเพชร 6 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900