บริษัทฯจะมุ่งมั่น สร้างงานที่ทรงคุณค่า ในแนวทาง การพัฒนาตนเอง อย่างไร้ขีดจํากัด

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ปรับตัวและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ของ บริษัทฯ ที่จะเป็นบริษัทชั้นนําของประเทศที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ งานการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ตลอดจนการบริหารจัดการโครงการที่เกี่ยวกับการก่อสร้างหรือการพัฒนาโครงสร้าง พื้นฐานต่างๆ ถึงแม้ว่าในปี 2560 ที่ผ่านมา บริษัทฯ จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อยู่บ้าง แต่ด้วยการบริหารจัดการด้านต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ การบริหารจัดการสมัยใหม่ที่เน้นความคล่องตัวและมีความยืดหยุ่น ความสามารถของทีมบุคลากร ความพร้อมด้านเทคโนโลยีเครื่องจักรและโรงงานผลิตวัสดุก่อสร้าง รวมถึงการบริหารโครงการก่อสร้าง ที่หลากหลายทั้งประเภทและขนาด จึงส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทฯ ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่ได้กําหนดไว้ ซึ่งเป็นอีกบท พิสูจน์หนึ่งที่ยืนยันว่าสิ่งที่เราพยายามพัฒนาตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาได้ส่งผลประจักษ์ในเชิงบวกอย่างชัดเจน และบริษัทฯ ก็พร้อม ที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ณ สิ้นปี 2564 ตามงบการเงินรวม บริษัทฯ มีรายได้รวม 5,063 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า มีกําไรสุทธิ 193 ล้านบาท และมีปริมาณงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่า 15,742 ล้านบาท นอกจากนี้ ในปี 2564 บริษัทฯ ชนะการ ประมูลและลงนามสัญญาโครงการขนาดใหญ่ รวมมูลค่ากว่า 20,568 ล้านบาท ซึ่งมีความหลากหลาย และเป็นการเปิดโอกาสใหม่ ๆ ของบริษัทฯ

สําหรับแนวทางการดําเนินงานในปี 2565 บริษัทฯ ยังคงพัฒนาธุรกิจไม่หยุดยั้งในทุกด้านด้วยความเชี่ยวชาญในด้านวิศวกรรมโยธา แบบครบวงจร ส่งผลให้บริษัทสามารถเข้าบริหารโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ที่เป็นงานด้านโครงสร้างพื้นฐานทั้งในส่วนของภาครัฐ ภาคเอกชน รวมไปถึงสรรหาโอกาสใหม่ ๆ ไปพร้อมกัน อาทิเช่น การร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน เป็นต้น เพื่อเพิ่มศักยภาพ และขีดความสามารถในการรองรับโอกาสการเติบโตของอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ทั้งนี้ จากการที่บริษัทได้นําหุ้นเข้าซื้อขายใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา ก็ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากนักลงทุน ซึ่งส่งผลให้มีพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่ให้ความสนใจที่จะร่วมลงทุนกับบริษัทฯ เป็นจํานวนมาก ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีในการเพิ่ม โอกาสที่จะต่อยอดทางธุรกิจต่อไป บริษัทฯ คาดหวังว่าจะได้รับงานใหม่ ๆ อีก เพื่อมาเสริม Backlog และสร้างความแข็งแกร่งและ เติบโตของบริษัทฯ

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสําคัญกับการดูแลผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน คู่ค้า ซัพพลายเออร์ ผู้รับเหมาช่วงรวม ถึงชุมชนใกล้เคียงในพื้นที่ที่บริษัทฯ เข้าดําเนินงานก่อสร้าง รวมถึงการดําเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาล ไปพร้อมกับการร่วม รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เป็นไปตามค่านิยมที่เรายึดมั่นเสมอมา ซึ่งบริษัทฯ มีความมุ่งมั่นที่จะดําเนินธุรกิจภายใต้ กรอบแนวทางการมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ โดยลดอัตราการใช้น้ํามัน และหันมาพึ่งพาเทคโนโลยีพลังงานทดแทนที่ก้าวหน้าในรูปแบบ ใหม่ ๆ รวมถึงมีการเลือกใช้วัสดุที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อาทิ ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก (Hydraulic Cement) ที่ใช้ความ ร้อนและพลังงานน้อยกว่าเดิม แต่สามารถรักษาคุณสมบัติอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี

สุดท้ายนี้ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผมขอขอบคุณผู้ถือหุ้น คณะกรรมการ ผู้บริหาร พนักงานทุกท่าน พันธมิตรทางธุรกิจ และผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ที่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนบริษัทฯ ให้เดินมาสู่จุดนี้ได้ ผมขอให้คํามั่นว่า บริษัทฯ จะมุ่งมั่นสร้างงานที่ ทรงคุณค่า บนแนวทางการพัฒนาตนเองอย่างไร้ขีดจํากัด เพื่อส่งมอบคุณภาพชีวิตในอุดมคติและสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้ประชาชน ได้เข้าถึงอย่างเท่าเทียม โดยตระหนักถึงการเป็นส่วนหนึ่งที่ขับเคลื่อนสังคมให้เจริญรุดหน้าด้วยโครงสร้างการคมนาคมและ สาธารณณูปโภคที่โอบเอื้อและพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่งสมดังปณิธานในการทําหน้าที่ “ผู้สร้าง” ที่ชีวิลเอนจีเนียริงยึดมั่นตลอดมา

นายปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข / กรรมการ ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร