ตามที่คณะกรรมการบริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) ได้ออกประกาศกลุ่มบริษัท ฉบับที่ 1/2565 เรื่องนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2565 โดยให้มีผลบังคับใช้กับ บริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) และ บริษัทในเครือทั้งหมด อันได้แก่ บริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) และ บริษัทในเครือทั้งหมด ได้แก่ บริษัท ซีวิล คอนสตรัคชั่น เซอร์วิสเซส แอนด์ โปรดักส์ จํากัด, บริษัท เดอะ ซี.อี.ซี. คอนสตรัคชั่น จำกัด และ บริษัท ซีวิล เอส.ที.ที. จำกัด (“บริษัท”)

อาศัยอำนาจตามประกาศนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวข้างต้น และ เพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินการติดต่อสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย บริษัทจึงได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับการติดต่อผ่านช่องทางออนไลน์ฉบับนี้ขึ้น (“นโยบาย”) เพื่อแจ้งเกี่ยวกับการรวบรวม ใช้ จัดเก็บ ส่งต่อ และจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในฐานะผู้ใช้บริการ Website ของบริษัท, Facebook และ Line หรือช่องทางการติดต่อออนไลน์อื่น ๆ ของบริษัท (“ช่องทางการติดต่อออนไลน์”) เมื่อท่านเข้าใช้บริการติดต่อผ่านช่องทางการติดต่อออนไลน์ต่าง ๆของบริษัท บริษัทจะถือว่าท่านยอมรับ รับทราบและตกลงตามนโยบายฉบับนี้

ทั้งนี้นโยบายฉบับนี้มีผลใช้บังคับกับ ติดต่อสื่อสารระหว่างท่านและบริษัทผ่านช่องทางการติดต่อออนไลน์เท่านั้น โดยไม่มีผลใช้บังคับกับการติดต่อสื่อสารผ่านช่องทางอื่นระหว่างท่านและบริษัท และไม่ใช้กับการติดต่อ และบริการอื่น ๆ ของบุคคลภายนอกที่อาจเชื่อมต่อกับช่องทางการติดต่อออนไลน์ของบริษัท ซึ่งบริษัทไม่มีอำนาจควบคุม และเป็นส่วนที่ท่านต้องทำความตกลง และศึกษาเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในกระบวนการดังกล่าวแยกต่างหาก

ข้อที่ 1 คำจำกัดความ

“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ที่ได้ถึงแก่กรรมแล้ว ไม่ว่าจะเป็น

(ก) ได้รับโดยตรงจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

(ข) ได้รับจากตัวแทนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อที่ 2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บและประมวลผล

ในระหว่างที่ท่านเข้าใช้บริการช่องทางออนไลน์ของบริษัท หรือได้ติดต่อผ่านช่องทางการติดต่อออนไลน์ของบริษัท บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือตัวแทนของท่านซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาจากท่านโดยตรง ทั้งนี้ข้อมูลที่บริษัทมีความจำเป็นต้องประมวลผลในกระบวนการดังกล่าวอาจรวมถึง ข้อมูลดังต่อไปนี้

  1. ชื่อนามสกุลของท่าน รวมถึงข้อมูลการติดต่อ อาทิ ที่อยู่ สถานที่ติดต่อ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล สำหรับการติดต่อกลับ หรือการจัดส่งสินค้า
  2. ข้อมูลการชำระเงิน อาทิ บัญชีธนาคาร เอกสารหลักฐานการชำระเงินของท่านที่เกี่ยวข้องกับการซื้อสินค้า
  3. ข้อมูลของเครื่องมือ หรืออุปกรณ์ รวมถึงข้อมูลเทคนิคที่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ อาทิ อาทิ IP Address, MAC Address, Cookies ID

นอกจากนี้อาจรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ ที่ท่านอาจนำส่งให้แก่บริษัทผ่านช่องทางการติดต่อออนไลน์ รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของตัวแทนของท่าน ในกรณีที่ท่านนำส่งข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เกี่ยวข้องอื่นภายใต้การคุ้มครองของท่านให้แก่บริษัท เมื่อบริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว บริษัทจะถือว่าท่านรับประกันสิทธิในการส่งต่อและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่เกี่ยวข้องดังกล่าวให้แก่บริษัท และบริษัทย่อมมีสิทธิในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลเหล่านั้นได้สมบูรณ์ภายใต้นโยบายฉบับ

ข้อที่ 3 วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูล

บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บ รักษา ใช้และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อจุดประสงค์ ดังต่อไปนี้

  1. การติดต่อกลับหาท่านเพื่อให้ข้อมูลที่ท่านต้องการและสนใจ หรือเพื่อพิจารณาคุณสมบัติของท่านสำหรับการยื่นความประสงค์สมัครงานของท่าน
  2. การดำเนินธุรกรรมซื้อขายให้สำเร็จ รวมถึงการปฏิบัติสิทธิหน้าที่เกี่ยวข้องที่บริษัทมีกับท่าน ภายใต้สัญญาซื้อขาย
  3. การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายที่บริษัทอาจมีในการเตรียมเอกสารบัญชีและภาษี และ
  4. ป้องกันสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของบริษัทในการบริหารจัดการความเสี่ยงหรือแก้ไขข้อร้องเรียน และเพื่อจุดประสงค์ดังกล่าว บริษัทจะต้องเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตลอดระยะเวลาที่จำเป็นสำหรับการดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้

นอกจากนี้ในกรณีที่ได้รับความยินยอมจากท่าน สำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อจุดประสงค์ใดเป็นการเฉพาะ เช่น เพื่อการส่งข้อมูลข่าวสารประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว จนกว่าท่านจะยกเลิกความยินยอมที่ได้ให้แก่บริษัท

ข้อที่ 4 ระยะเวลาการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

เพื่อวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังที่ระบุไว้ดังกล่าว บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านทั้งหมดที่นำส่งให้แก่บริษัทไว้ ดังนี้

  1. เพื่อวัตถุประสงค์การติดต่อกลับท่าน สำหรับการให้ข้อมูล หรือแจ้งการพิจารณาการสมัครงาน บริษัทสงวนสิทธิ์ในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ เพื่อการติดตามตรวจสอบกระบวนการพิจารณาเป็นระยะเวลา 1 ปีปฏิทินนับจากวันที่บริษัทได้รับข้อมูลดังกล่าว
  2. เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ที่กฎหมายมีตามเงื่อนไขของสัญญาซื้อขาย บริษัทสงวนสิทธิ์ในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นระยะเวลา 10 ปีปฏิทินนับจากวันที่บริษัทได้ดำเนินการแล้วเสร็จ
  3. เพื่อการปกป้องและคุ้มครองสิทธิของบริษัทในกรณีเกิดข้อพิพาทต่าง ๆ บริษัทสงวนสิทธิ์ในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตามระยะเวลาอายุความที่ตามกฎหมายทั่วไปสูงสุด 10 ปี

ทั้งนี้ เมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้ว บริษัทจะทำการลบ ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อหมดความจำเป็นในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้น อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่มีข้อพิพาทหรือคดีความเกี่ยวกับการดำเนินการของท่าน บริษัทขอสงวนสิทธิในการเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปจนกว่าข้อพิพาทนั้นจะได้มีคำสั่งหรือคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว

ข้อที่ 5 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้แก่บริษัทจะไม่ได้รับการเปิดเผยให้แก่บุคคลภายนอก อย่างไรก็ตามในบางกรณีข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจมีความจำเป็นต้องได้รับการเปิดเผยให้แก่บุคคล ดังต่อไปนี้

  1. กรณี Line Open Chat ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านติดต่อผ่านช่องทางดังกล่าว อาจมีการเปิดเผยให้แก่ผู้ใช้บริการ Line Open Chat ท่านอื่นทราบด้วย
  2. ผู้ให้บริการภายนอกที่ให้บริการแก่ทางบริษัท เพื่อการให้บริการแก่ท่านหรือให้บริการเกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัท ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงที่ปรึกษาต่าง ๆ ของบริษัท ภายใต้เงื่อนไขที่บริษัทรับประกันที่จะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเฉพาะเท่าที่จำเป็น ภายใต้กรอบเงื่อนไขการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจะได้ลงนามร่วมกับผู้ให้บริการภายนอกดังกล่าว และ
  3. หน่วยงานราชการต่าง ๆ ที่บริษัทอาจมีหน้าที่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่หน่วยงานนั้นตามกฎหมาย หรือตามคำสั่งของหน่วยงานดังกล่าว

ข้อที่ 6 มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในข้อมูลที่เหมาะสม

บริษัทรับประกันจัดให้มีมาตรการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการเข้าถึงการใช้ การเปลี่ยนแปลง การแก้ไข หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้า โดยปราศจากอำนาจ หรือโดยมิชอบ ทั้งนี้บริษัทจะจัดให้มีการทบทวนมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยดังกล่าว อย่างสม่ำเสมอเป็นปกติ เพื่อความเหมาะสมตามมาตรฐานและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ บริษัทได้กำหนดให้มีนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) ขึ้นโดยประกาศให้ทราบกันโดยทั่วทั้งองค์กร พร้อมแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยธำรงไว้ซึ่งความเป็นความลับ (Confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (Integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (Availability) ของข้อมูลส่วนบุคคล โดยได้จัดให้มีการทบทวนนโยบายดังกล่าวรวมถึงประกาศนี้ในระยะเวลาตามที่เหมาะสม

บริษัทได้กำหนดให้พนักงาน เจ้าหน้าที่และบุคคลเฉพาะผู้ที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องในการจัดเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของกิจกรรมการประมวลผลนี้เท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ โดยองค์กรจะดำเนินการให้เจ้าหน้าที่และบุคคลดังกล่าวปฏิบัติตามประกาศนี้อย่างเคร่งครัด ในกรณีที่พนักงานคนใดมีสิทธิเข้าถึงหรือดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลส่วนใด พนักงานดังกล่าวยอมรับและรับทราบหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลดังกล่าวเช่นเดียวกัน โดยรับประกันชดเชยและชดใช้ให้แก่บริษัทกรณีที่เกิดความเสียหายใดแก่บริษัท อันเกิดจากความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานดังกล่าว

ข้อ 7 สิทธิของเจ้าของข้อมูล

บริษัทรับทราบและเคารพสิทธิตามกฎหมายของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิของท่านในข้อนี้เป็นสิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องที่ท่านควรทราบ ดังนี้

1. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม

หากท่านได้ให้ความยินยอมให้บริษัท เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอม ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่ ทั้งนี้การเพิกถอนความยินยอมอาจส่งผลกระทบต่อท่าน โปรดศึกษาหรือสอบถามถึงผลกระทบก่อนเพิกถอนความยินยอม เพื่อประโยชน์ของตัวท่านเอง

2. สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และขอให้บริษัท ทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้กับท่าน รวมถึงขอให้บริษัท เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมไว้กับบริษัทได้ หากท่านเป็นพนักงานปัจจุบันของบริษัท ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ด้วยตนเอง ผ่านระบบของบริษัท

3. สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัท ได้ทำให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัท ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นที่สามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค

4. สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูล

ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หากการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนั้น ทำขึ้นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท โดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล เว้นแต่เป็นกรณีที่บริษัท สามารถแสดงเหตุผลตามกฎหมายได้ว่ามีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน หรือเป็นไปเพื่อการยืนยัน การปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการต่อสู้ในการฟ้องร้องตามกฎหมายตามแต่กรณี

5. สิทธิในการขอให้ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัท ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือเห็นว่าบริษัท หมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือเมื่อท่านได้ใช้สิทธิขอเพิกถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านการประมวลผลข้อมูล

6. สิทธิในการขอระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัท ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านชั่วคราว ในกรณีที่บริษัท อยู่ระหว่างการตรวจสอบคำร้องขอใช้สิทธิแก้ไขหรือขอคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือกรณีที่บริษัท หมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่ท่านขอให้บริษัท ระงับการใช้แทน

7. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง

ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัท แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด หากท่านเป็นพนักงานหรือบุคลากรปัจจุบันของบริษัท ท่านสามารถปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตามขั้นตอนดำเนินการของบริษัท

8. สิทธิร้องเรียน

ท่านมีสิทธิที่จะร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

การใช้สิทธิของท่านตามข้างต้นอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัท อาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิของท่านได้ เช่น บริษัท จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือการใช้สิทธินั้นๆ อาจละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น หรือบริษัท จำเป็นต้องใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าว โดยบริษัท จะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้ท่านทราบ

ข้อ 8 การเปลี่ยนแปลงแก้ไขนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจพิจารณาปรับปรุง แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงประกาศนี้ตามที่เห็นสมควร และจะทำการแจ้งให้ท่านทราบผ่านช่องทางต่าง ๆ บริษัท โดยจะมีวันที่ของการเปลี่ยนแปลงล่าสุดกำกับอยู่ตอนท้าย อย่างไรก็ดี บริษัทขอแนะนำให้ท่านโปรดตรวจสอบเพื่อรับทราบประกาศฉบับใหม่อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะก่อนที่ท่านจะทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

การยื่นสมัครงานของท่าน ถือเป็นการรับทราบตามข้อตกลงในประกาศนี้ ทั้งนี้ โปรดระงับการยื่นสมัครงานหรือติดต่อฝ่ายทรัพยากรบุคคลหากท่านไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงในประกาศฉบับนี้ มิเช่นนั้นบริษัทจะถือว่าท่านได้รับทราบการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงในประกาศดังกล่าวแล้ว

ข้อ 9 ช่องทางการติดต่อบริษัท

หากท่านมีข้อเสนอแนะ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการขอใช้สิทธิของท่านตามนโยบายฉบับนี้ บริษัทจะพิจารณาข้อเสนอ ข้อสอบถาม หรือคำร้องของท่าน และแจ้งผลการพิจารณาให้ท่านรับทราบภายในกรอบระยะเวลาที่เหมาะสมภายใต้กรอบกฎหมาย โดยท่านสามารถติดต่อมายังบริษัทได้ผ่านช่องทางดังต่อไปนี้

โทรศัพท์:
สถานที่ติดต่อ:
บริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) เลขที่ 68/12 อาคารซีอีซี ชั้น 7 ถนนกำแพงเพชร 6 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900