ตามที่คณะกรรมการบริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) ได้ออกประกาศกลุ่มบริษัท ฉบับที่ 1/2565 เรื่องนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2565 โดยให้มีผลบังคับใช้กับ บริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) และ บริษัทในกลุ่มทั้งหมด อันได้แก่ ได้แก่ บริษัท ซีวิล คอนสตรัคชั่น เซอร์วิสเซส แอนด์ โปรดักส์ จํากัด, บริษัท เดอะ ซี.อี.ซี. คอนสตรัคชั่น จำกัด และ บริษัท ซีวิล เอส.ที.ที. จำกัด ("บริษัท")

บริษัทให้ความเชื่อมั่นแก่ผู้ถือหุ้น ผู้ลงทุน และ/หรือบุคคลใด ๆ ที่สนใจเกี่ยวกับการลงทุนของบริษัท ("ท่าน") ว่าข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดของท่านเป็นข้อมูลที่ทางบริษัทให้ความสำคัญ โดยบริษัทรับประกันที่จะปกป้องและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลด้วยมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสมอย่างดีที่สุด ดังนั้นบริษัทมีจุดประสงค์แจ้งให้ท่านในฐานะผู้ถือหุ้น ซึ่งลงทุนในหุ้นของบริษัท และผู้ลงทุนหรือบุคคลใด ๆ ที่ติดต่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับบริษัททราบเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัวของผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนฉบับนี้ ("นโยบายความเป็นส่วนตัว") ซึ่งระบุเกี่ยวกับ ความจำเป็นในการเก็บ รวบรวม ใช้ รวมถึงการเปิดเผย หรือส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะบริษัทต่อท่านตามกฎหมาย อันได้แก่ พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

บริษัทอาจปรับปรุงนโยบายฉบับนี้ตามแต่ละระยะเวลาเพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติและกฎหมายหรือข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง โดยบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงการเปลี่ยนแปลงด้วยการประกาศนโยบายฉบับปรับปรุงใหม่ให้ท่านทราบผ่านช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ ของบริษัท

ข้อที่ 1 คำจำกัดความ

"ข้อมูลส่วนบุคคล" หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ที่ได้ถึงแก่กรรมแล้ว ไม่ว่าจะเป็น

(ก) ได้รับโดยตรงจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

(ข) ได้รับจากตัวแทนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

(ค) ได้รับจากการเปิดเผยโดยหน่วยงานอื่น ซึ่งบริษัทได้รับโดยชอบธรรม

ข้อที่ 2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บและประมวลผล

บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยตรงจากการที่ท่านแจ้งข้อมูลให้แก่บริษัท หรือจากการตรวจสอบสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัท ซึ่งบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ให้บริการในฐานะนายทะเบียนหลักทรัพย์ให้แก่บริษัท ทั้งนี้บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บ รวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังต่อไปนี้ของท่าน

  1. ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับท่านในฐานะผู้ถือหุ้น กล่าวคือ ชื่อ นามสกุล สัญชาติ อาชีพ ที่อยู่ปัจจุบัน จำนวนหุ้นที่ถือ ข้อมูลบัญชีธนาคารของท่าน เลขประจำตัวประชาชน อีเมล และเบอร์ติดต่อ
  2. กรณีที่ท่านเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ตามนิยามที่กำหนดไว้ในหลักเกณฑ์ของหน่วยงานกำกับดูแล รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทจำเป็นต้องเก็บ รวบรวม ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพิ่มเติม ได้แก่ ประวัติของท่าน อาทิ ประวัติการศึกษา ประสบการณ์การทำงาน ตลอดจนรูปถ่ายของท่านหรือตัวแทนของผู้ถือหุ้นนิติบุคคลดังกล่าว
  3. ข้อมูลทั่วไปอื่น ที่ท่านอาจให้แก่บริษัทระหว่างการติดต่อสื่อสารหรือบทสนทนาที่ท่านอาจมีกับบริษัท ผ่านช่องทางนักลงทุนสัมพันธ์ ซึ่งอาจรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ชื่อ นามสกุล สัญชาติ อาชีพ ที่อยู่ และข้อมูลการติดต่อท่าน (ได้แก่ เบอร์โทรศัพท์ และ/หรือ อีเมล)
  4. ข้อมูลการเข้าร่วมประชุมที่ผู้ถือหุ้นดังกล่าวเข้าร่วมในการประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งอาจรวมถึง ข้อมูลการลงทะเบียนเข้าร่วมประชุม ที่อาจรวมถึงข้อมูลของผู้รับมอบฉันทะแทนผู้ถือหุ้น พร้อมทั้งการบันทึกภาพและเสียงระหว่างการเข้าร่วมประชุม ทั้งในรูปแบบการประชุมแบบออนไลน์และออฟไลน์ และในกรณีการประชุมแบบอิเล็กทรอนิกส์ อาจรวมถึงข้อมูล
  5. ข้อมูลส่วนบุคคลอื่นที่ท่านอาจนำส่งให้แก่บริษัทเพื่อการประมวลผลด้วยวัตถุประสงค์เฉพาะอื่น ๆ

ในกรณีผู้ถือหุ้นที่ถือหุ้นในนามนิติบุคคล บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บข้อมูลและใช้ข้อมูลของกรรมการของบริษัท หรือในกรณีที่ผู้ถือหุ้นมอบฉันทะให้บุคคลอื่นเข้าประชุมละการใช้สิทธิผู้ถือหุ้นตามกฎหมายของท่าน บริษัทย่อมมีความจำเป็นในการประมวลผลข้อมูลของบุคคลดังกล่าว โดยถือเป็นการประมวลผลเพื่อท่านในฐานะผู้ถือหุ้น และในกรณีดังกล่าว การที่ท่านเป็นผู้ส่งข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังกล่าวให้แก่บริษัท บริษัทจะถือว่า ท่านได้ให้การรับประกันว่า ท่านมีสิทธิในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังกล่าวให้แก่บริษัท เพื่อการประมวลผลภายใต้นโยบายฉบับนี้แล้ว

โดยทั่วไป บริษัทไม่มีเจตนาและความประสงค์ที่จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ใด ๆ แต่ในกรณีที่ บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนของท่าน อันหมายความถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นส่วนตัว อันละเอียดอ่อน และมีความเสี่ยงจากการถูกนำไปใช้ในการเลือกปฏิบัติ เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อชาติ ชาติพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อทางศาสนา หรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลทางพันธุกรรม ข้อมูลทางชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดที่อาจส่งผลกระทบต่อเจ้าของข้อมูลในลักษณะเดียวกับที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของกำหนด บริษัทจะดำเนินการขอความยินยอมจากท่านก่อนการเก็บรวบรวมข้อมูลทุกครั้ง

ข้อที่ 3 จุดประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทเก็บและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อจุดประสงค์ต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงจุดประสงค์ดังต่อไปนี้

  1. เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายที่บริษัทมีต่อท่านตามสิทธิของผู้ถือหุ้น เช่น การบริหารจัดการบริษัท (เช่น การเริ่มตั้ง การเพิ่มทุน ลดทุน การปรับโครงสร้างกิจการ การเปลี่ยนแปลงรายการจดทะเบียน) การแจ้งและใช้สิทธิของผู้ถือหุ้นภายใต้กฎหมาย เช่น หนังสือเชิญประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นของบริษัท การส่งบทรายงานการประกอบธุรกิจของบริษัทให้แก่ผู้ถือหุ้นตามสิทธิ การจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น การจัดทำบัญชีสำหรับการจ่ายเงินปันผลดังกล่าว รวมถึงหน้าที่ตามกฎหมายต่าง ๆ ของการเป็นบริษัทมหาชนจำกัด และบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
  2. เพื่อการจัดการตอบรับการสื่อสารที่ท่านติดต่อบริษัท เช่น การแจ้งการติดต่อสื่อสารและตอบข้อสอบถามของท่าน การจัดการข้อร้องเรียน หรือการให้ความคิดเห็นต่าง ๆ
  3. เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลอื่น เช่น การบันทึกการจัดและการบริหารการประชุม เช่น การลงทะเบียนเข้าร่วมประชุม การบันทึกการลงมติ การเผยแพร่ข้อมูลของท่านซึ่งเข้าร่วมประชุมผ่านเว็บไซต์ และช่องทางการติด ต่ออื่น ซึ่งถือเป็นกรณีการดำเนินการเพื่อประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายเพื่อรับประกันความโปร่งใสและธรรมาภิบาลของบริษัทรวมถึงเพื่อประโยชน์ของผู้ถือหุ้น การบริหารจัดการความเสี่ยงและการควบคุมภายในองค์กร การกำกับการตรวจสอบ ตลอดจนการตรวจสอบภายในรวมถึงการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย
  4. เพื่อการจัดทำเอกสารรายงานประจำปีของบริษัท ตามที่บริษัทมีหน้าที่ต้องจัดทำและอาจต้องจัดส่งให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือเปิดเผยเป็นสาธารณะตามเงื่อนไขและข้อกำหนดที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด ซึ่งอาจรวมถึงการเปิดเผยข้อมูลของท่านผ่านหน้าเว็บไซต์ของบริษัท (เฉพาะกรณีของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ตามนิยามที่กำหนดไว้)

นอกจากนี้ในกรณีที่ได้รับความยินยอมจากท่าน สำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อจุดประสงค์ใดเป็นการเฉพาะ เช่น เพื่อการส่งข้อมูลข่าวสารประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว จนกว่าท่านจะยกเลิกความยินยอมที่ได้ให้แก่บริษัท

ข้อที่ 4 ระยะเวลาการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัทมีความจำเป็นต้องประมวลผลและเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อจุดประสงค์ดังที่ระบุไว้ข้างต้นเท่าที่จำเป็น ดังนี้

  1. เพื่อการตอบรับการสื่อสารที่ท่านติดต่อมายังบริษัท
  2. ตลอดระยะเวลาตราบเท่าที่ท่านยังมีฐานะเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทและที่บริษัทยังมีหน้าที่ตามกฎหมายต่อท่าน
  3. ตลอดระยะเวลาที่บริษัทอาจมีหน้าที่ภายใต้กฎหมายอื่นในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ นอกจากนี้ เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบสิทธิและการปกป้องสิทธิของบริษัทและท่าน

บริษัทสงวนสิทธิ์ที่จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ถือหุ้นเป็นระยะเวลาที่เหมาะสมเพิ่มเติมตามกรอบอายุความที่เหมาะสม หลังจากที่ท่านสิ้นสุดสภาพการเป็นผู้ถือหุ้น กรณีที่บริษัทอาจมีสิทธิเรียกร้องใดของท่านที่อาจมีต่อบริษัท ตามระยะเวลาอายุความตามกฎหมายทั่วไปสูงสุด 10 ปี

ทั้งนี้ เมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้ว บริษัทจะทำการลบ ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อหมดความจำเป็นในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้น อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่มีข้อพิพาทหรือคดีความเกี่ยวกับการดำเนินการของท่าน บริษัทขอสงวนสิทธิในการเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปจนกว่าข้อพิพาทนั้นจะได้มีคำสั่งหรือคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว

ข้อที่ 5 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้แก่บริษัทจะไม่ได้รับการเปิดเผยให้แก่บุคคลภายนอก อย่างไรก็ตามในบางกรณีข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจมีความจำเป็นต้องได้รับการเปิดเผยให้แก่บุคคล ดังต่อไปนี้

  1. บริษัทในเครือ พันธมิตรทางธุรกิจ หรือผู้ให้บริการภายนอกที่ให้บริการสนับสนุนบริษัทในการดำเนินธุรกิจและการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัทที่มีต่อผู้ถือหุ้น รวมถึงการปกป้องสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัดในฐานะผู้ให้บริการนายทะเบียนหลักทรัพย์ของบริษัท รวมถึงที่ปรึกษากฎหมาย ที่ปรึกษาบัญชี และที่ปรึกษาอื่น ๆ รวมถึงหน่วยงานตรวจสอบภายในและภายนอก เป็นต้น โดยบริษัทรับประกันจะดำเนินการเปิดเผยตามวัตถุประสงค์การประมวลผลข้อมูลที่ระบุไว้เท่านั้นและบนพื้นฐานเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
  2. ในกรณีที่บริษัทมีหน้าที่ตามกฎหมาย หรืออยู่ภายใต้บังคับคำพิพากษา หรือคำสั่งของหน่วยงานราชการ บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่หน่วยงานดังกล่าว เพื่อเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ที่มีตามกฎหมาย โดยบริษัทจะดำเนินการเพียงเท่าที่จำเป็นตามหน้าที่ดังกล่าวเท่านั้น
  3. ในบางกรณีที่บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องเปิดเผยบทรายงานประจำปีของบริษัท ซึ่งอาจรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท เพื่อการประกอบสัญญาหรือการติดต่อประสานงานกับคู่สัญญาของบริษัท บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ให้แก่คู่ค้า หรือสาธารณะตามข้อกำหนดดังกล่าว โดยบริษัทจะดำเนินการภายใต้หลักการประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท และจะดำเนินการเพียงเท่าที่จำเป็นโดยไม่กระทบสิทธิของท่านเจ้าของข้อมูลมากเกินสมควร
  4. หน่วยงานอื่นซึ่งท่านเคยได้ให้ความยินยอมโดยชัดแจ้งให้บริษัทสามารถเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวได้

ข้อที่ 6 มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในข้อมูลที่เหมาะสม

บริษัทรับประกันจัดให้มีมาตรการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการเข้าถึงการใช้ การเปลี่ยนแปลง การแก้ไข หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้า โดยปราศจากอำนาจ หรือโดยมิชอบ ทั้งนี้บริษัทจะจัดให้มีการทบทวนมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยดังกล่าว อย่างสม่ำเสมอเป็นปกติ เพื่อความเหมาะสมตามมาตรฐานและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ บริษัทได้กำหนดให้มีนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) ขึ้นโดยประกาศให้ทราบกันโดยทั่วทั้งองค์กร พร้อมแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยธำรงไว้ซึ่งความเป็นความลับ (Confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (Integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (Availability) ของข้อมูลส่วนบุคคล โดยได้จัดให้มีการทบทวนนโยบายดังกล่าวรวมถึงประกาศนี้ในระยะเวลาตามที่เหมาะสม

บริษัทได้กำหนดให้พนักงาน เจ้าหน้าที่และบุคคลเฉพาะผู้ที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องในการจัดเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของกิจกรรมการประมวลผลนี้เท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ โดยองค์กรจะดำเนินการให้เจ้าหน้าที่และบุคคลดังกล่าวปฏิบัติตามประกาศนี้อย่างเคร่งครัด ในกรณีที่พนักงานคนใดมีสิทธิเข้าถึงหรือดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลส่วนใด พนักงานดังกล่าวยอมรับและรับทราบหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลดังกล่าวเช่นเดียวกัน โดยรับประกันชดเชยและชดใช้ให้แก่บริษัทกรณีที่เกิดความเสียหายใดแก่บริษัท อันเกิดจากความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานดังกล่าว

ข้อ 7 สิทธิของเจ้าของข้อมูล

บริษัทรับทราบและเคารพสิทธิตามกฎหมายของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิของท่านในข้อนี้เป็นสิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องที่ท่านควรทราบ ดังนี้

1. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม

หากท่านได้ให้ความยินยอมให้บริษัท เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอม ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่ ทั้งนี้การเพิกถอนความยินยอมอาจส่งผลกระทบต่อท่าน โปรดศึกษาหรือสอบถามถึงผลกระทบก่อนเพิกถอนความยินยอม เพื่อประโยชน์ของตัวท่านเอง

2. สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และขอให้บริษัท ทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้กับท่าน รวมถึงขอให้บริษัท เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมไว้กับบริษัทได้ หากท่านเป็นพนักงานปัจจุบันของบริษัท ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ด้วยตนเอง ผ่านระบบของบริษัท

3. สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัท ได้ทำให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัท ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นที่สามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค

4. สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูล

ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หากการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนั้น ทำขึ้นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท โดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล เว้นแต่เป็นกรณีที่บริษัท สามารถแสดงเหตุผลตามกฎหมายได้ว่ามีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน หรือเป็นไปเพื่อการยืนยัน การปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการต่อสู้ในการฟ้องร้องตามกฎหมายตามแต่กรณี

5. สิทธิในการขอให้ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัท ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือเห็นว่าบริษัท หมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือเมื่อท่านได้ใช้สิทธิขอเพิกถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านการประมวลผลข้อมูล

6. สิทธิในการขอระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัท ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านชั่วคราว ในกรณีที่บริษัท อยู่ระหว่างการตรวจสอบคำร้องขอใช้สิทธิแก้ไขหรือขอคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือกรณีที่บริษัท หมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่ท่านขอให้บริษัท ระงับการใช้แทน

7. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง

ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัท แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด หากท่านเป็นพนักงานหรือบุคลากรปัจจุบันของบริษัท ท่านสามารถปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตามขั้นตอนดำเนินการของบริษัท

8. สิทธิร้องเรียน

ท่านมีสิทธิที่จะร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

การใช้สิทธิของท่านตามข้างต้นอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัท อาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิของท่านได้ เช่น บริษัท จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือการใช้สิทธินั้นๆ อาจละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น หรือบริษัท จำเป็นต้องใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าว โดยบริษัท จะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้ท่านทราบ

ข้อ 8 การเปลี่ยนแปลงแก้ไขนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจพิจารณาปรับปรุง แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงประกาศนี้ตามที่เห็นสมควร และจะทำการแจ้งให้ท่านทราบผ่านช่องทางต่าง ๆ บริษัท โดยจะมีวันที่ของการเปลี่ยนแปลงล่าสุดกำกับอยู่ตอนท้าย อย่างไรก็ดี บริษัทขอแนะนำให้ท่านโปรดตรวจสอบเพื่อรับทราบประกาศฉบับใหม่อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะก่อนที่ท่านจะทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

การยื่นสมัครงานของท่าน ถือเป็นการรับทราบตามข้อตกลงในประกาศนี้ ทั้งนี้ โปรดระงับการยื่นสมัครงานหรือติดต่อฝ่ายทรัพยากรบุคคลหากท่านไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงในประกาศฉบับนี้ มิเช่นนั้นบริษัทจะถือว่าท่านได้รับทราบการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงในประกาศดังกล่าวแล้ว

ข้อ 9 ช่องทางการติดต่อบริษัท

หากท่านมีข้อเสนอแนะ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการขอใช้สิทธิของท่านตามนโยบายฉบับนี้ บริษัทจะพิจารณาข้อเสนอ ข้อสอบถาม หรือคำร้องของท่าน และแจ้งผลการพิจารณาให้ท่านรับทราบภายในกรอบระยะเวลาที่เหมาะสมภายใต้กรอบกฎหมาย โดยท่านสามารถติดต่อมายังบริษัทได้ผ่านช่องทางดังต่อไปนี้

โทรศัพท์:
สถานที่ติดต่อ:
บริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) เลขที่ 68/12 อาคารซีอีซี ชั้น 7 ถนนกำแพงเพชร 6 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900