ตามที่คณะกรรมการบริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) ได้ออกประกาศกลุ่มบริษัท ฉบับที่ 1/2565 เรื่องนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2565 โดยให้มีผลบังคับใช้กับ บริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) และ บริษัทในกลุ่มทั้งหมด อันได้แก่ บริษัท ซีวิล คอนสตรัคชั่น เซอร์วิสเซส แอนด์ โปรดักส์ จํากัด, บริษัท เดอะ ซี.อี.ซี. คอนสตรัคชั่น จำกัด และ บริษัท ซีวิล เอส.ที.ที. จำกัด ("บริษัท")

บริษัทให้ความเชื่อมั่นแก่ท่านในฐานะกรรมการของบริษัท และผู้บริหารตามนิยามของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่า ข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดของกรรมการ และผู้บริหารทุกท่านเป็นข้อมูลที่ทางบริษัทให้ความสำคัญ โดยบริษัทมีจุดประสงค์แจ้งนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ เพื่อแจ้งให้ท่านในฐานะกรรมการและผู้บริหารทราบเกี่ยวกับความจำเป็นในการเก็บ รวบรวม ใช้ รวมถึงเปิดเผยหรือส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการและ/หรือผู้บริหารที่บริษัทจำเป็นต้องดำเนินการ เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะบริษัทต่อท่านตามกฎหมาย อันได้แก่ พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ รวมถึงระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เป็นต้น และภายใต้สัญญาการแต่งตั้งกรรมการและผู้บริหารที่บริษัทมีกับท่าน

ทางบริษัทอาจปรับปรุงนโยบายฉบับนี้ตามแต่ละระยะเวลา เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติและกฎหมายหรือข้อบังคับที่เกี่ยวข้องหรือขอบเขตการว่าจ้างหรือแต่งตั้งมอบอำนาจในการทำงานของกรรมการและผู้บริหาร ทั้งนี้ บริษัทจะแจ้งให้กรรมการและผู้บริหารทราบถึงการเปลี่ยนแปลงด้วยการประกาศนโยบายฉบับปรับปรุงใหม่ให้กรรมการและผู้บริหารทราบผ่านช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ

ข้อที่ 1 คำจำกัดความ

"ข้อมูลส่วนบุคคล" หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ที่ได้ถึงแก่กรรมแล้ว ไม่ว่าจะเป็น

(ก) ได้รับโดยตรงจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

(ข) ได้รับจากตัวแทนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

(ค) ได้รับจากการเปิดเผยโดยหน่วยงานอื่น ซึ่งบริษัทได้รับโดยชอบธรรม

ข้อที่ 2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บและประมวลผล

บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน อันเป็นข้อมูลเกี่ยวกับกรรมการและผู้บริหารที่ทำให้สามารถระบุตัวตนของท่านได้ ไม่ว่าจะเป็นส่วนของข้อมูลที่ทางบริษัทอาจได้รับข้อมูลดังกล่าวโดยตรงจากการที่ท่านแจ้งข้อมูลให้แก่บริษัท ใบแบบฟอร์มการตรวจสอบคุณสมบัติหรือทะเบียนกรรมการและผู้บริหารเข้าใหม่ หรือจากการที่บริษัทอาจตรวจสอบข้อมูลของท่านจากฐานข้อมูลของหน่วยงานราชการ หรือแหล่ง ข้อมูลที่น่าเชื่อถือโดยเฉพาะเพื่อการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของกรรมการและผู้บริหารโดย บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บ รวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการหรือผู้บริหาร ดังต่อไปนี้

  1. ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับกรรมการหรือผู้บริหาร กล่าวคือ ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด สัญชาติ อาชีพ ที่อยู่ปัจจุบัน ข้อมูลบัญชีธนาคาร จำนวนหุ้น เลขประจำตัวประชาชน หรือหนังสือเดินทาง และข้อมูลการติดต่อ (เช่น เบอร์โทรศัพท์ และ/หรืออีเมล)
  2. ข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติมของกรรมการหรือผู้บริหารที่บริษัทอาจจำเป็นต้องจัดทำตามแบบฟอร์มที่หน่วยงานกำกับดูแลต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กระทรวงพาณิชย์ หรือหน่วยงานอื่น ๆ อาจประกาศกำหนด ซึ่งได้แก่แต่ไม่จำกัดเพียง ประวัติย่อของกรรมการหรือผู้บริหารแต่ละท่าน (ได้แก่ ประวัติการศึกษา ประสบการณ์การทำงาน การเป็นกรรมการหรือมีตำแหน่งในบริษัทหรือกิจการอื่น ๆ การอบรม สถานภาพการสมรส คู่สมรส บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เป็นต้น) และรูปถ่ายของกรรมการหรือผู้บริหาร รวมถึงผลการตรวจสอบคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามของกรรมการหรือผู้บริหารซึ่งอาจเป็นไปตามแบบฟอร์มที่หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องอาจกำหนด
  3. ข้อมูลการเข้าร่วมประชุมที่กรรมการหรือผู้บริหารดังกล่าวเข้าร่วม ซึ่งอาจรวมถึง ข้อมูลการลงทะเบียนเข้าร่วมประชุม พร้อมทั้งการบันทึกภาพและเสียงระหว่างการเข้าร่วมประชุมทั้งในรูปแบบการประชุมแบบออนไลน์และออฟไลน์
  4. ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับกรรมการหรือผู้บริหารที่อาจให้แก่บริษัท ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่เป็นกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัท และข้อมูลส่วนบุคคลอื่นที่กรรมการหรือผู้บริหารแต่ละท่านอาจนำส่งให้แก่บริษัท เพื่อการประมวลผลด้วยวัตถุประสงค์เฉพาะอื่น ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงข้อมูลลายมือชื่อและสำเนาเอกสารแสดงตน ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชน หรือหนังสือเดินทาง ซึ่งบริษัทอาจมีความจำเป็นต้องแนบท้ายไปพร้อมกับเอกสารธุรกรรมต่าง ๆ ที่กรรมการหรือผู้บริหารดังกล่าวอาจดำเนินการในนามและแทนบริษัท เป็นต้น

นอกจากข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการและผู้บริหารโดยตรงแล้ว ในกรณีที่กรรมการหรือผู้บริหาร เป็นผู้ให้ข้อมูลของบุคคลที่เกี่ยว ข้องกับกรรมการหรือผู้บริหาร เช่น คู่สมรส หรือบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เมื่อกรรมการหรือผู้บริหารให้ข้อมูลดังกล่าวแก่บริษัท บริษัทจะถือว่า กรรมการหรือผู้บริหารรับประกันว่า กรรมการหรือผู้บริหารมีสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังกล่าว และได้แจ้งความจำเป็นในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และ/หรือขอความยินยอมจากบุคคลดังกล่าวครบถ้วน และถูกต้องแล้ว ดังนั้น บริษัทย่อมมีสิทธิในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังกล่าวทั้งหมดได้โดยสมบูรณ์ ภายใต้นโยบายความฉบับนี้

โดยทั่วไป บริษัทไม่มีเจตนาและความประสงค์ที่จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ใด ๆ แต่ในกรณีที่ บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนของท่าน อันหมายความถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นส่วนตัว อันละเอียดอ่อน และมีความเสี่ยงจากการถูกนำไปใช้ในการเลือกปฏิบัติ เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อชาติ ชาติพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อทางศาสนา หรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลทางพันธุกรรม ข้อมูลทางชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดที่อาจส่งผลกระทบต่อเจ้าของข้อมูลในลักษณะเดียวกับที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของกำหนด บริษัทจะดำเนินการขอความยินยอมจากท่านก่อนการเก็บรวบรวมข้อมูลทุกครั้ง

ข้อที่ 3 จุดประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทเก็บและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อจุดประสงค์ต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงจุดประสงค์ดังต่อไปนี้

  1. เพื่อการสรรหากรรมการ หรือผู้บริหาร โดยเฉพาะการตรวจสอบและสอบทานคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของกรรมการ หรือผู้บริการกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง
  2. เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท เช่น การบริหารจัดการบริษัท (เช่น การปรับโครงสร้างกิจการ การเปลี่ยนแปลงรายการจดทะเบียน) การปฏิบัติหน้าที่ภายใต้กฎหมายต่อกรรมการ เช่น หนังสือเชิญประชุม เป็นต้น รวมถึงหน้าที่ตามกฎหมายต่าง ๆ ของการเป็นบริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด และบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
  3. เพื่อการปฏิบัติสิทธิและหน้าที่ของบริษัทต่อกรรมการหรือผู้บริหารภายใต้สัญญาที่อาจมีระหว่างกัน ในการควบคุมดูแล บริหารจัดการความสัมพันธ์ระหว่างกรรมการหรือผู้บริหารกับบริษัท ตลอดระยะเวลาการเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร ซึ่งอาจรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อการติดต่อสื่อสารประสานงานระหว่างบริษัทและกรรมการหรือผู้บริหารที่อยู่ในตำแหน่งงาน การใช้ข้อมูลของกรรมการหรือผู้บริหาร เพื่อการดำเนินงานซึ่งกรรมการหรือผู้บริหารดังกล่าวดำเนินการในฐานะตัวแทนของบริษัท (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการหรือผู้บริหารเพื่อเป็นเอกสารและข้อมูลที่ต้องใช้ในการติดต่อสื่อสาร และทำธุรกรรมทั้งหมดที่ดำเนินการในนามและแทนบริษัทกับคู่ค้า หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด) การคิดคำนวณและการจ่ายค่าตอบแทน เช่น ค่าเบี้ยประชุมให้แก่กรรมการตามข้อตกลงและกฎระเบียบ เป็นต้น
  4. เพื่อประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของกรรมการและผู้บริหาร ได้แก่ การดำเนินการเพื่อรับประกันความโปร่งใสและธรรมาภิบาลของบริษัท รวมถึงดำเนินการให้สอคดล้องกับข้อแนะนำหรือแนวปฏิบัติที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอาจประกาศกำหนด การจัดทำรายงานประจำปีของบริษัท หรือเอกสารเผยแพร่อื่นผ่านช่องทางต่าง ๆ ของบริษัท โดยเฉพาะผ่านทางสื่อสิ่งพิมพ์และเว็บไซต์ของบริษัท การวิเคราะห์ข้อมูล การดำเนินกิจกรรมและอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้แก่กรรมการและผู้บริหารในการใช้สิทธิหรือการปฏิบัติหน้าที่ต่าง ๆ การบริหารจัดการความเสี่ยงและการควบคุมภายในองค์กร การกำกับการตรวจสอบ ตลอดจนการตรวจสอบภายในรวมถึงการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย การป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ และการใช้สิทธิในการปกป้องต่อสู้ข้อต่อสู้ใด ๆ ที่อาจมีระหว่างบริษัทและกรรมการหรือผู้บริหารที่เกี่ยวข้องดังกล่าว

ข้อที่ 4 ระยะเวลาการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัทมีความจำเป็นต้องประมวลผลและเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการหรือผู้บริหารแต่ละท่าน เพื่อจุดประสงค์ดังที่ระบุไว้ข้างต้นเป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็น กล่าวคือ

  1. ตลอดระยะเวลาตราบเท่าที่ท่านยังมีฐานะเป็นกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัทและตลอดระยะเวลาสัญญาที่บริษัทอาจยังมีหน้าที่ต้องปฏิบัติให้แก่กรรมการหรือผู้บริหารท่าน หรือ
  2. ตลอดระยะเวลาที่บริษัทอาจมีหน้าที่ภายใต้กฎหมายใด ๆ ในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ ซึ่งอาจรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงระยะเวลาการจัดทำเอกสารบัญชี

นอกจากนี้ เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบสิทธิและการปกป้องสิทธิของบริษัทและท่านภายใต้สถานะบริษัทและกรรมการหรือผู้บริหาร บริษัทสงวนสิทธิ์ที่จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการหรือผู้บริหารเป็นระยะเวลาที่เหมาะสมเพิ่มเติมตามกรอบอายุความที่เหมาะสมหลังจากที่กรรมการหรือผู้บริหารสิ้นสุดสภาพการเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร ทั้งนี้ บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลของท่านไว้ ตามระยะเวลาอายุความตามกฎหมายทั่วไปสูงสุด 10 ปี

เมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้ว บริษัทจะทำการลบ ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อหมดความจำเป็นในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้น อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่มีข้อพิพาทหรือคดีความเกี่ยวกับการดำเนินการของท่าน บริษัทขอสงวนสิทธิในการเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปจนกว่าข้อพิพาทนั้นจะได้มีคำสั่งหรือคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว

ข้อที่ 5 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้แก่บริษัทจะไม่ได้รับการเปิดเผยให้แก่บุคคลภายนอก อย่างไรก็ตามในบางกรณีข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจมีความจำเป็นต้องได้รับการเปิดเผยให้แก่บุคคล ดังต่อไปนี้

  1. ผู้ให้บริการภายนอก ที่ให้การบริการสนับสนุนบริษัทในการดำเนินธุรกิจ และการปฏิบัติหน้าที่ของบริษัทที่มีต่อกรรมการหรือผู้บริหาร รวมถึงการปกป้องสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท เช่น ที่ปรึกษากฎหมาย ที่ปรึกษาบัญชี ผู้ให้บริการจัดทำรายงานการประกอบธุรกิจของบริษัท และที่ปรึกษาในด้านอื่น รวมถึงหน่วยงานตรวจสอบภายในและภายนอก เป็นต้น โดยบริษัทจะดำเนินการเปิดเผยข้อมูลบนพื้นฐานเท่าที่จำเป็น และบริษัทจะจัดทำสัญญาการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลกับผู้รับข้อมูลดังกล่าว
  2. ในกรณีที่บริษัทมีหน้าที่ตามกฎหมาย หรือตามคำสั่งคำแนะนำของหน่วยงานกำกับดูแลของบริษัท เช่น กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด หรืออยู่ภายใต้บังคับคำพิพากษา หรือคำสั่งของหน่วยงานราชการ บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่หน่วยงานดังกล่าว เพื่อเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ที่บริษัทมีตามกฎหมาย ซึ่งอาจรวมถึงการเปิดเผยข้อมูลของกรรมการและ/หรือผู้บริหารผ่านช่องทางเว็บไซต์หรือสื่อสาธารณะอื่นของบริษัท
  3. ในบางกรณีเพื่อการประกอบสัญญาหรือการติดต่อประสานงานกับคู่สัญญาของบริษัท บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องเปิดเผยบทรายงานประจำปีของบริษัท ซึ่งอาจรวมข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัท และอาจจำเป็นต้องเปิดเผยส่งต่อข้อมูลของกรรมการหรือผู้บริหาร (รวมถึงสำเนาเอกสารแสดงตนของกรรมการหรือผู้บริหาร) ให้แก่คู่สัญญาดังกล่าว โดยบริษัทจะดำเนินการ ภายใต้หลักการประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัทและจะดำเนินการเพียงเท่าที่จำเป็นโดยไม่กระทบสิทธิของกรรมการหรือผู้บริหารในฐานะเจ้าของข้อมูลมากเกินสมควร และ
  4. หน่วยงานอื่นที่กรรมการหรือผู้บริหารแต่ละท่านเคยได้ให้ความยินยอมโดยชัดแจ้งให้บริษัทเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว

ข้อที่ 6 มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในข้อมูลที่เหมาะสม

บริษัทรับประกันจัดให้มีมาตรการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการเข้าถึงการใช้ การเปลี่ยนแปลง การแก้ไข หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้า โดยปราศจากอำนาจ หรือโดยมิชอบ ทั้งนี้บริษัทจะจัดให้มีการทบทวนมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยดังกล่าว อย่างสม่ำเสมอเป็นปกติ เพื่อความเหมาะสมตามมาตรฐานและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ บริษัทได้กำหนดให้มีนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) ขึ้นโดยประกาศให้ทราบกันโดยทั่วทั้งองค์กร พร้อมแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยธำรงไว้ซึ่งความเป็นความลับ (Confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (Integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (Availability) ของข้อมูลส่วนบุคคล โดยได้จัดให้มีการทบทวนนโยบายดังกล่าวรวมถึงประกาศนี้ในระยะเวลาตามที่เหมาะสม

บริษัทได้กำหนดให้พนักงาน เจ้าหน้าที่และบุคคลเฉพาะผู้ที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องในการจัดเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของกิจกรรมการประมวลผลนี้เท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ โดยองค์กรจะดำเนินการให้เจ้าหน้าที่และบุคคลดังกล่าวปฏิบัติตามประกาศนี้อย่างเคร่งครัด ในกรณีที่พนักงานคนใดมีสิทธิเข้าถึงหรือดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลส่วนใด พนักงานดังกล่าวยอมรับและรับทราบหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลดังกล่าวเช่นเดียวกัน โดยรับประกันชดเชยและชดใช้ให้แก่บริษัทกรณีที่เกิดความเสียหายใดแก่บริษัท อันเกิดจากความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานดังกล่าว

ข้อ 7 สิทธิของเจ้าของข้อมูล

บริษัทรับทราบและเคารพสิทธิตามกฎหมายของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิของท่านในข้อนี้เป็นสิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องที่ท่านควรทราบ ดังนี้

1. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม

หากท่านได้ให้ความยินยอมให้บริษัท เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอม ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่ ทั้งนี้การเพิกถอนความยินยอมอาจส่งผลกระทบต่อท่าน โปรดศึกษาหรือสอบถามถึงผลกระทบก่อนเพิกถอนความยินยอม เพื่อประโยชน์ของตัวท่านเอง

2. สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และขอให้บริษัท ทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้กับท่าน รวมถึงขอให้บริษัท เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมไว้กับบริษัทได้ หากท่านเป็นพนักงานปัจจุบันของบริษัท ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ด้วยตนเอง ผ่านระบบของบริษัท

3. สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัท ได้ทำให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัท ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นที่สามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค

4. สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูล

ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หากการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนั้น ทำขึ้นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท โดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล เว้นแต่เป็นกรณีที่บริษัท สามารถแสดงเหตุผลตามกฎหมายได้ว่ามีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน หรือเป็นไปเพื่อการยืนยัน การปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการต่อสู้ในการฟ้องร้องตามกฎหมายตามแต่กรณี

5. สิทธิในการขอให้ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัท ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือเห็นว่าบริษัท หมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือเมื่อท่านได้ใช้สิทธิขอเพิกถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านการประมวลผลข้อมูล

6. สิทธิในการขอระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัท ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านชั่วคราว ในกรณีที่บริษัท อยู่ระหว่างการตรวจสอบคำร้องขอใช้สิทธิแก้ไขหรือขอคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือกรณีที่บริษัท หมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่ท่านขอให้บริษัท ระงับการใช้แทน

7. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง

ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัท แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด หากท่านเป็นพนักงานหรือบุคลากรปัจจุบันของบริษัท ท่านสามารถปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตามขั้นตอนดำเนินการของบริษัท

8. สิทธิร้องเรียน

ท่านมีสิทธิที่จะร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

การใช้สิทธิของท่านตามข้างต้นอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัท อาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิของท่านได้ เช่น บริษัท จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือการใช้สิทธินั้นๆ อาจละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น หรือบริษัท จำเป็นต้องใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าว โดยบริษัท จะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้ท่านทราบ

ข้อ 8 การเปลี่ยนแปลงแก้ไขนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจพิจารณาปรับปรุง แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงประกาศนี้ตามที่เห็นสมควร และจะทำการแจ้งให้ท่านทราบผ่านช่องทางต่าง ๆ บริษัท โดยจะมีวันที่ของการเปลี่ยนแปลงล่าสุดกำกับอยู่ตอนท้าย อย่างไรก็ดี บริษัทขอแนะนำให้ท่านโปรดตรวจสอบเพื่อรับทราบประกาศฉบับใหม่อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะก่อนที่ท่านจะทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

การยื่นสมัครงานของท่าน ถือเป็นการรับทราบตามข้อตกลงในประกาศนี้ ทั้งนี้ โปรดระงับการยื่นสมัครงานหรือติดต่อฝ่ายทรัพยากรบุคคลหากท่านไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงในประกาศฉบับนี้ มิเช่นนั้นบริษัทจะถือว่าท่านได้รับทราบการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงในประกาศดังกล่าวแล้ว

ข้อ 9 ช่องทางการติดต่อบริษัท

หากท่านมีข้อเสนอแนะ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการขอใช้สิทธิของท่านตามนโยบายฉบับนี้ บริษัทจะพิจารณาข้อเสนอ ข้อสอบถาม หรือคำร้องของท่าน และแจ้งผลการพิจารณาให้ท่านรับทราบภายในกรอบระยะเวลาที่เหมาะสมภายใต้กรอบกฎหมาย โดยท่านสามารถติดต่อมายังบริษัทได้ผ่านช่องทางดังต่อไปนี้

โทรศัพท์:
สถานที่ติดต่อ:
บริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) เลขที่ 68/12 อาคารซีอีซี ชั้น 7 ถนนกำแพงเพชร 6 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900